
แจกฟรี !! check list สำหรับจัดกระเป๋าเดินทาง
แจกฟรี!! แผ่น check list ฉบับพิมพ์ 4 สี ที่หน้าร้าน blossomcoat
จะเป็นลูกค้าหรือไม่ใช่ลูกค้า งานนี้แจกฟรี!!ทุกคน
(เริ่มแจกตั้งแต่ 27 ตุลาคม 2560)
ถ้าไม่สะดวกมาหน้าร้าน โหลดฟรีได้เลย

(เริ่มแจกตั้งแต่ 27 ตุลาคม 2560)
เวลาเราไปที่วัดในญี่ปุ่น เรามักจะเห็นกล่องไม้วางอยู่บริเวณหน้าศาลเจ้า
ไว้ให้สำหรับคนญี่ปุ่นหรือนักท่องเที่ยว โยนเหรียญสำหรับไหว้พระขอพร
และเหรียญที่ชาวญี่ปุ่น มักจะใช้โยนลงกล่องไม้ นั่นก็คือเหรียญ 5 เยน นั่นเอง
ที่ต้องเป็นเหรียญ 5 เยน นั่นก็เป็นเพราะว่า
ชาวญี่ปุ่น จะเรียก เยน ว่า “เอน”
และจะเรียกเหรียญ 5 เยน ว่า โกะเอนดามะ (5円玉 go-en dama)
คำว่า “โกะเอน” (Go-en : 五円) นั้น พ้องเสียงกับคำว่า ご縁 ในภาษาคันจิ
ซึ่งแปลว่า การขอพรเทพเจ้า หรือคำว่า “วาสนา”
และเหรียญ 5 เยน นั้น เป็นเหรียญที่มีรูตรงกลาง
คนญี่ปุ่นจึงมีความเชื่ออีกว่า สิ่งเลวร้าย สิ่งที่ไม่ดี จะลอดผ่านจากรูนี้ออกไป
ทำให้เราได้พบเจอแต่สิ่งดีดี นั่นเอง
เหรียญ 5 เยน จึงเป็น สัญลักษณ์ของความโชคดี
และเป็น เครื่องรางญี่ปุ่น ที่คนญี่ปุ่นนิยมพกไว้นั่นเอง
สำหรับ คนไทย สายขอพร อย่างพวกเรา
หากอยากได้พรสมใจ ก็อย่าลืม พกเหรียญ 5 เยน ไปใช้ในการขอพรไหว้พระที่ญี่ปุ่น
ถือว่าเป็นทริคเล็กๆน้อยๆ ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึปล่าว
แต่เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เขาทำยังไง เราก็ทำตามเขาละกันเนอะ
เดี๋ยวครั้งหน้า เราจะมีอะไรมาให้อ่าน ต้องติดตามกันนะจ้ะ
ผู้หญิงกับดอกไม้ เป็นของคู่กันจริงจริงนะคะ ยิ่งผู้หญิงสวยสวยแบบพวกเรา ถ้าได้พร๊อพเป็นดอกไม้สวยๆ แน่นอน รูปยิ่งเจิดจรัสเข้าไปอีก
วันนี้เราเลยมีไอเดียการถ่ายรูปกับดอกไม้มาฝาก
อันนี้ง่ายสุดสุด ถ้าเราเดินมาเจอต้นไม้ที่ออกดอกสวยงาม เราก็เข้าไปสิงที่ต้นไม้เลยค่ะ ให้ดอกไม้สวยสวยเป็นแบล็คกราวให้เราเท่านั้นเอง เราก็จะได้รูปสวยสวยมาแล้ว
แนะนำให้ถ่ายครึ่งตัวก็พอค่ะ ตัวเราจะได้ดูโดดเด่น สวยเด้งกว่าดอกไม้จ้า
เดี๋ยวคราวหน้าเราจะมีไอเดียอะไรมาแนะนำ รอติดตามกันได้จ้า
Credit ภาพ : pinterest
บทความโดย : แม่ค้าแตงโม
ปัญหาโลกแตก อีก 1 ปัญหาเลยสำหรับคนที่จะไปเมืองนอก ที่ต้องเจอบ่อยบ่อยเลย นั่นก็คือ
“แกร จะไปเที่ยวหรอ เดี๋ยวนึกก่อนนะ จะฝากซื้ออะไรดี”
โลกแตกมั้ยคะ ค่ะ สำหรับคนที่โดนบ่อยบ่อย อาจจะหาทางหนีทีไล่ได้แล้ว แต่สำหรับใครที่เพิ่งเคยเจอกะตัว อาจจะยังหาวิธีทางออกไม่ได้
วันนี้เราเลยจะมาเสนอไอเดียกันว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราควรรับมือกันอย่างไร
เริ่มจาก
เช่น ทริปนี้แพลนเที่ยวเยอะมากเลยแก ไงถ้าผ่านหรือมีเวลา เดี๋ยวจะช่วยดูให้ละกัน หรือ เราไปเที่ยวชนบทอ่า อาจจะไม่ได้เข้า shop ช้อปปิ้งซักเท่าไร
โดยปกติถ้าเป็นเพื่อนสนิทมาฝากซื้อของให้เนี่ย ถ้าไม่ได้เป็นของที่หายากอะไรมากมาย ก็อาจจะปลีกเวลานิสนึงไปหาให้ เผื่อคราวหน้า เพื่อนมา เราก็อาจจำเป็นต้องฝากบ้างไรบ้าง
แต่สำหรับคนที่ไม่สนิทมาฝากนี่สิ นางต้องมีความกล้าระดับหนึ่งเหมือนกันนะ ก็อาจจะบอกไปเหมือนข้อ 1 ก่อน แต่ถ้าทางยังดึงดัน ก็ไปต่อที่ข้อ 3
ส่งข้อมูล รูปรุ่น สี กลิ่น ขนาด ราคาที่รับได้ มาให้เคลียร์ หรือถ้าของชิ้นนั้นไม่มีจะลิสเอาอะไรเป็น อันดับ2 อันดับ 3 หรือรองลงมา
เพราะบางทีของที่ลิสมา อาจจะขายดี ของหมด หรือราคาของแต่ละร้านก็ไม่เท่ากัน ราคาที่ดูไว้ อาจจะเป็นราคาที่ถูก ช่วงเซลงี้ เดี๋ยวพอเราซื้อไปแพง นางไม่เอา ก็ซวยคนซื้ออย่างเราอีก
**แนะนำให้ส่งข้อมูลทางไลน์หรือทางแชท เพราะจะได้ง่ายเวลาเราไปซื้อให้ ก็โชว์รูปให้คนขายดูไปเลย และยังช่วยเป็นหลักฐานได้ด้วยว่าเราซื้อของมาตรงกับที่สั่งไว้หรือไม่
ใช่ค่ะ เรื่องเงินนี่ทำให้คนแตกคอกันมาเยอะนะคะ ยังไงตกลงกันก่อนเลย
เช่น ถ้าให้เรารูดบัตรเครดิต เราจะคิดเรทที่บัตรเก็บมานะ คิดค่าหิ้วมั้ย คิดค่าน้ำหนักมั้ย ให้ tax คนหิ้วมั้ย ถ้าโดน ตม. คนฝากต้องเป็นคนจ่ายนะ เพราะบางคนนี่คิดเล็กคิดน้อยคิดนู่นคิดนี่ ก็เคลียกันไปเลยว่า จะคิดเงินกันยังไง
เคลียร์เสร็จแล้ว อย่าลืมค่ะ เก็บเงินคนฝากซื้อมาด้วยเลยจ้า ดีที่สุดก็ให้นางแลกเป็นเงินประเทศนั้นนั้นมาให้เลย จะได้ไม่ต้องมามีปัญหาเรื่องค่าเงินกันอีกในภายหลัง แต่ถ้าไม่ฝากเงิน จะฝากลมก็ซื้อลมให้นะจ้ะ
ก่อนจะรับฝากจากใคร ดูด้วยน้า ว่าตัวเองได้น้ำหนักกระเป๋าเท่าไร บางคนใจดีมีเมตตา ใครฝากซื้ออะไร ได้หมด สุดท้าย มาตายตรงกระเป๋าใส่ไม่พอบ้าง น้ำหนักเกินบ้าง สุดท้ายต้องเสียค่าน้ำหนักเพิ่ม ยังไงก็อย่าลืมเช็คข้อนี้กันด้วยนะจ้ะ
นอกจากนี้ของบางอย่างเช่น ฝากซื้อรองเท้านะ เอากล่องกลับมาด้วย อันนี้ก็ควรคุยให้เคลียร์นะคะ ว่าลำบากเรามั้ย หรือถ้าเอากลับแล้วยับ คนฝากโอเคมั้ย
ได้แก่ ของที่มีมูลค่าสูง เพราะการที่เรามาเที่ยวแล้วต้องพกเงินมากมากมาซื้อของ และพอซื้อเรียบร้อยแล้ว ยังต้องมาเก็บของมีมูลค่าไว้กับตัวเอง นอกจากต้องพะวงหน้าพะวงหลัง กลัวของหายแล้ว จะทำให้ความสนุกของการเที่ยวลดลง
รวมถึงของชิ้นใหญ่ ของที่มีน้ำหนักมาก รวมถึงของที่เสี่ยงต่อการทำแตก ก็เช่นเดียวกัน เพราะนอกจากกระเป๋าเดินทางที่เป็นสัมภาระของเราแล้ว การมีของพะรุงพะรังเพิ่มมาอีกก็ยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการเดินทางเข้าไปอีก
เมื่อเรารับปากไปแล้วว่าจะหิ้วกลับมาให้ ไม่ว่าจะได้ไปหิ้วกลับมา หรือไม่ได้หิ้วกลับมา ก็ควรแจ้งแก่บรรดาเหล่าลูกค้าที่ฝากมา ว่าของที่สั่งเนี่ย ได้หรือไม่ได้ยังไง เสมือนเป็นอีกหนึ่งความรับผิดชอบของเราอีก เพราะเดี๋ยวไม่ได้ของกลับไป คนฝากก็บ่นอีก โอ้ย ไม่ได้ก็ไม่บอก จะได้ฝากคนอื่นแทน
เมื่อซื้อของเป็นที่สำเร็จ หน้าที่ของคุณแม่ค้าสมัครเล่น ยังไม่จบนะคะ เพราะของยังไม่ถึงมือลูกค้าค่ะ กลับมาถึงไทยก็อย่าลืมส่งของ หรือคุยนัดรับของกันให้เรียบร้อย ก็จะได้ปิดจ๊อบงานครั้งนี้ เฮ้
อันนี้ก็เป็นคำแนะนำสำหรับฝั่งผู้ถูกฝาก แต่อย่างที่บอกค่ะ ว่าถ้าไม่อยากมีปัญหาอะไรตามมา ก็ไม่ต้องรับเลยจะดีที่สุด หรือถ้าจะรับก็ลองดูคำแนะนำข้างต้นได้เลยจ้า ใครมีความเห็นอะไรเพิ่มเติมก็คอมเม้นพูดคุยกันมาได้เลยนะจ้ะ
บทความโดย : แม่ค้าแตงโม ร้าน blossom coat